วันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

แคปซูล "โนอาห์"

สุดเจ๋ง! ญี่ปุ่นคิดค้นแคปซูล "โนอาห์" สำหรับใช้หลบภัยสึนามิ





           บริษัทญี่ปุ่นผลิตแคปซูลลอยน้ำ "โนอาร์" (“Noah” capsule) หวังใช้เป็นที่หลบภัยพิบัติทางธรรมชาติ โดยเฉพาะสึนามิ

           เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม สำนักข่าวเอพี รายงานว่า บริษัทแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นได้คิดค้นแคปซูลลอยน้ำสุดแกร่ง เพื่อช่วยให้ผู้คนใช้เป็นที่หลบภัยฉุกเฉินเมื่อเกิดภัยพิบัติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสึนามิ

           นายโชจิ ทานากะ ประธานบริษัทวิศวกรรมดังกล่าวคือ "คอสโม เพาเวอร์" เมืองฮิราสึกะ ประเทศญี่ปุ่น ได้เปิดตัวนวัตกรรมชิ้นใหม่ชื่อ "โนอาห์" ซึ่งเป็นแคปซูลสำหรับหลบภัยพิบัติ มีลักษณะคล้ายลูกเทนนิสขนาดยักษ์สีเหลือง ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 4 ฟุต มีคุณสมบัติลอยน้ำได้ ติดตั้งกระจกและท่อรับอากาศจากภายนอก ผู้ใหญ่สามารถเข้าไปหลบภัยอยู่ได้ 4 คนพร้อม ๆ กัน โครงสร้างทำจากไฟเบอร์กลาสเสริมแรงชนิดพิเศษ ซึ่งมีความแข็งแกร่งสูง ช่วยให้มนุษย์ที่หลบอยู่ข้างในรอดตายได้ถ้าต้องเผชิญกับมหันตภัยร้ายแรง อาทิ แผ่นดินไหว และคลื่นยักษ์สึนามิ

“Noah” capsule


           นอกจากนี้ นายทานากะ ยังกล่าวอีกด้วยว่า บริษัทได้ตั้งชื่อตาม "เรือโนอาห์" บันทึกไว้ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลว่า เป็นเรือที่ช่วยให้มนุษย์และสัตว์โลกบางส่วนมีชีวิตรอดอยู่ได้ในวันที่พระเจ้าทรงทำให้น้ำท่วมโลก เพื่อชำระบาปของมนุษย์


           ทั้งนี้ บริษัทคอสโมเปิดตัว "โนอาห์" เป็นครั้งแรกช่วงต้นเดือนกันยายน 2554 ที่ผ่านมา โดยมีราคาประมาณ 123,000 บาทต่อลูก ซึ่งในขณะนี้มีคำสั่งซื้อ "โนอาห์" เข้ามาถึง 600 ลูก นำส่งลูกค้าไปแล้ว 2 ลูก โดยนอกจากซื้อเก็บไว้ใช้ป้องกันพิบัติภัยแล้ว ยังสามารถใช้เป็นบ้านของเล่น สำหรับบุตรหลานได้อีกด้วย

ที่มาของข้อมูลและภาพประกอบจาก : 
impactlab.net , Kapook.com

Lillipad City เมืองลอยน้ำ

ลิลี่แพดเมืองลอยน้ำ



สมใจคนชอบ Experimental Design สำหรับนวัตกรรมการออกแบบเมืองลอยน้ำ "ลิลี่แพด" (Lilypad City) บ้านใหม่แห่งอนาคตที่สามารถแก้ไขปัญหาได้จริง ในการช่วยเหลือคนทั้งโลกที่ต้องการลี้ภัยน้ำท่วมอันเกิดจากวิกฤติโลกร้อน ที่กำลังคุกคามอย่างรุกคืบ จากความคิดอันเฉียบคมของ วินเซนต์ คาเลโบต์ สถาปนิกคนเก่งจากเบลเยียม

การออกแบบเมืองนี้ คาเลโบต์ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรูปทรงของใบบัวขนาดใหญ่ อะมาโซเนีย วิคตอเรีย เรเจีย ลิลี่แพด ที่มีลักษณะเป็นใบกว้างลอยอยู่เหนือน้ำคอยรองรับน้ำฝนและฟอกน้ำให้สะอาด โดยคาเลโบต์ได้ออกแบบให้เมืองนี้ เข้าออกด้วยท่าจอดเรือที่มีอยู่ 3 ทาง และมีภูเขา 3 ลูก เพื่อให้ผู้คนที่อยู่บนเมืองลอยน้ำแห่งนี้ได้เพลิดเพลินกับการเปลี่ยน วิวทิวทัศน์ ไม่ซ้ำซากจำเจ

สำหรับสภาวะแวดล้อมของเมืองนั้น วินเซนต์ได้ออกแบบให้ทั้งเมืองปกคลุมไปด้วยต้นไม้ที่ปลูกอยู่ด้านบน โดยมีเป้าหมายของการสร้างอยู่ที่การสร้างความกลมกลืนในการอยู่ร่วมกันระหว่างมนุษย์และธรรมชาติ

ลิลี่แพดจะเป็นเมืองที่เข้ากับสิ่งแวดล้อมได้ดี มีลักษณะเป็นเมืองสะเทินน้ำสะเทินบกที่ไม่จำเป็นต้องมีรถหรือมีถนนใดๆ สามารถแก้ไขปัญหาระยะยาวของระดับน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้น ทั้งยังช่วยเหลือผู้คนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์น้ำท่วม อย่างรุนแรงได้เป็นอย่างดี โดยจะลอยตัวอยู่ในทะเลบริเวณผิวดินเดิมที่ถูกน้ำท่วมมิด กล่าวคือเป็นเมืองที่ลอยอยู่ทั่วโลกเหมือนเรือยักษ์ หรือลอยไปตามกระแสน้ำไหลของมหาสมุทรทั่วโลก



ที่สำคัญคือพลังงานที่ใช้ในเมืองจะมาจากแหล่งพลังงานที่สามารถนำกลับมาใช้ได้ใหม่ รวมถึงการใช้พลังงานจากธรรมชาติอย่างพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานความร้อน พลังงานลม พลังงานน้ำ และพลังงานคลื่น โดยพลังงานที่ได้ทั้งหมดจะมากเกินความจำเป็นที่คนทั้งเมืองต้องการใช้ แถมยังไม่ปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมถึงก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั้งหมด ขณะที่ขยะก็จะถูกนำไปรีไซเคิล

แน่นอนว่าความคิดอันน่าชื่นชมของวินเซนต์สามารถคว้ารางวัลชนะเลิศด้านการออกแบบเมืองแห่งอนาคตมาครอง ได้เป็นผลสำเร็จ ทั้งยังเป็นแนวทางการแก้ปัญหาที่สอดรับกับการคาดการณ์ของผู้เชี่ยวชาญที่ว่า น้ำแข็งจะละลายเพราะโลกร้อน ทำให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้นถึง 88 เซนติเมตร (เกือบ 3 ฟุต) ภายในปี 2643 และจะเกิดภัยคุกคามต่อพื้นที่ขนาดใหญ่บริเวณชายฝั่ง รวมทั้งเมืองใหญ่ๆ ของโลก เช่น กรุงลอนดอนในอังกฤษ นครนิวยอร์กในสหรัฐฯ และกรุงโตเกียวในญี่ปุ่น







โดยเฉพาะเมืองที่อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลไม่เกิน 50 เซนติเมตร และเกาะน้อยใหญ่ในมหาสมุทรแปซิฟิก เช่น เกาะตูวาลู เกาะคิริบาติ หรือเกาะมัลดีฟส์ ซึ่งหากน้ำทะเลสูงขึ้นเพียง 50 เซนติเมตร พื้นที่ของเกาะก็จะถูกคลื่นทะเลซัดกร่อน หรือจมอยู่ใต้น้ำ หรือแม้บางเกาะจะอยู่เหนือทะเลได้ แต่ประชากรในพื้นที่คงต้องเผชิญกับปัญหาน้ำดื่มขาดแคลนกันน่าดู เพราะน้ำทะเลรุกล้ำเข้ามายังแหล่งน้ำจืด อันเป็นคลื่นกระทบต่อชีวิตผู้คนหลายสิบล้านคนที่อาศัยอยู่บริเวณพื้นที่ชายฝั่งในเอเชียใต้ เช่น ปากีสถาน อินเดีย ศรีลังกา บังกลาเทศ พม่า รวมทั้งประเทศไทยด้วย

นับเป็นแนวคิดที่ล้ำสมัยที่เมืองไทยน่าจะมีผู้นำมาปรับใช้บ้าง เนื่องจากมีผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่า อีกประมาณ 30 ปี น้ำจะท่วมกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง งานนี้เห็นทีผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองคงต้องพักรบ สงบใจ หันหน้าปรองดองกันเพื่อทุกชีวิตในประเทศไทยบ้างแล้ว