วันอังคารที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2554

อ่านสอบจ้า

วิชา โลกศึกษา (Global Education)
1)              สิ่งแวดล้อม คือ ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบตัวเรา
2)              สิ่งแวดล้อม แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมทางวัฒนธรรม
3)              สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ มีทั้งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิต ได้แก่ อากาศ ดิน ลักษณะภูมิประเทศ ลักษณะ ภูมิอากาศ ทัศนียภาพต่าง ๆ ภูเขา ห้วย หนอง คลอง บึง ทะเลสาบ ทะเล มหาสมุทรและทรัพยากรธรรมชาติทุกชนิด พืชพันธุ์ธรรมชาติต่าง ๆ สัตว์ป่า ป่าไม้ เป็นต้น
4)              สิ่งแวดล้อมทางวัฒนธรรม หรือสิ่งแวดล้อมประดิษฐ์ หรือมนุษย์เสริมสร้างกำหนดขึ้น ได้แก่ วัตถุสิ่งของทั่วไป เช่น อาคาร โต๊ะ เก้าอี้ นาฬิกา ทัศนคติ ความเชื่อ ค่านิยม ระเบียบ กฎเกณฑ์ ระบบการศึกษา ระบบเศรษฐกิจ
5)              การเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อม มีสาเหตุมาจาก มนุษย์ และธรรมชาติแวดล้อม
6)              มนุษย์ เป็นตัวการเปลี่ยนแปลงสังคมเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง มากกว่าสิ่ง อื่น เช่น ชอบจับปลาในฤดูวางไข่ ใช้เครื่องมือถี่เกินไปทำให้ปลาเล็ก ๆ ติดมาด้วย ลักลอบตัดไม้ทำลายป่า เพื่อนำมาสร้างที่อยู่อาศัย ส่งเป็นสินค้า หรือเพื่อใช้พื้นที่เพาะปลูกปล่อยของเสียจากโรงงานและไอเสียจากรถยนต์ทำให้สิ่งแวดล้อมเป็นพิษ (น้ำเน่า อากาศเสีย)
7)              ธรรมชาติแวดล้อม ธรรมชาติแวดล้อม ส่วนใหญ่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างช้า ๆ เช่น แม่น้ำที่พัดพาตะกอนไปทับถมบริเวณน้ำท่วม และปากแม่น้ำต้องใช้เวลานานจึงจะมีตะกอนมาก การกัดเซาะพังทลายของดินก็เช่นเดียวกัน ส่วนการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนั้นเกิดจากแรงภายในโลก เช่น แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด อื่น ๆ ได้แก่ อุทกภัยและวาตภัย ไฟป่า เป็นต้น ซึ่งภัยธรรมชาติดังกล่าวจะไม่เกิดบ่อยครั้งนัก
8)              สรุป มนุษย์เป็นตัวการสร้าง และทำลายสิ่งแวดล้อมมากกว่าธรรมชาติ
9)              สาเหตุการเกิดวิกฤตการณ์ด้านสิ่งแวดล้อม เนื่องจากจำนวนประชากรมีมากเกินไปการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี
10)        Lily pad City คือ เมืองจำลองในอนาคตที่สามารถแก้ไขปัญหาได้จริง ในการช่วยเหลือคนทั้งโลกที่ต้องการลี้ภัยน้ำท่วมอันเกิดจากวิกฤตการณ์ภาวะโลกร้อน ที่กำลังคุกคามอย่างรุกคืบ
11)        Capsule Noah หรือ แคปซูลโนอาห์ ผลิตโดยบริษัทญี่ปุ่น ใช้สำหรับหลบภัยสึนามิ
12)        ภูเขาป่า คือโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ช่วยแก้ปัญหาดินถล่ม น้ำท่วมฉับพลัน
13)        สึนามิ คือ แผ่นดินไหวใต้ท้องทะเล
14)        ลักษณะการเกิด เมื่อเกิดแรงสั่นสะเทือนที่รุนแรงขึ้นบริเวณใต้ท้องทะเล ส่งผลให้น้ำกระเพื่อมเป็นคลื่นน้ำ เดินทางออกจากจุดศูนย์กลางเข้าหาฝั่ง เมื่อคลื่นยิ่งใกล้เข้าฝั่ง จะยิ่งสูงขึ้น ซึ่งอาจสูงถึง 30 เมตร ก่อนจะเกิดสนามิน้ำบริเวณชายฝั่งจะลดลงอย่างรวดเร็ว อีกประมาณ 5-30 นาที คลื่นยักษ์จึงจะโถมเข้าฝั่ง
15)        สาเหตุ            1. แผ่นดินไหวใต้ท้องทะเล โดยเฉพาะบริเวณรอยแยกของแผ่นเปลือกโลกที่มีชื่อว่า “วงแหวนเพลิง” ในมหาสมุทรแปซิฟิก   2. ภูเขาไฟระเบิดใต้ท้องทะเล   3. อุกกาบาตตกลงกลางทะเล
16)        ผลกระทบ ก่อความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน เช่นอาคารบ้านเรือนแก่มนุษย์
17)        วิธีการรับมือ  ถ้าอยู่ริมฝั่งให้รีบอพยพขึ้นที่สูง ถ้าอยู่ในทะเลให้รีบนำเรือออกห่างฝั่งให้มากที่สุด
18)        ทุ่น DART หรือทุ่นตรวจจับระดับน้ำทะเล เพื่อเตือนภัยสึนามิ
20)        ปรากฏการณ์เรือนกระจก (Greenhouse Effect) เกิดจากก๊าซเรือนกระจกจำพวกคาร์บอนไดออกไซด์ สารคลอโรฟลูออโรคาร์บอน หรือ สาร CFC ซึ่งเกิดจากเครื่องทำความเย็น สีสเปรย์ โฟม ก๊าซมีเทน และไนตรัสออกไซด์
21)        ปะการังฟอกสีคือ การที่ปะการังไม่สามารถสังเคราะห์ด้วยแสงได้จึงขาดอาหารและตายกลายเป็นสีขาว
22)        ปรากฎการณ์เอลนิญโญ (EL Nino) และลานิญญา (La Nino)  มักเกิดในบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกเขตร้อน โดยเกิดขึ้นเฉลี่ยทุก 5 ปี
23)        ปรากฎการณ์เอลนิญโญ (EL Nino) และลานิญญา (La Nino)  มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า เอนโซ  ENSO
24)        ปรากฎการณ์เอลนิญโญ (EL Nino) เกิดจากกระแสน้ำเปลี่ยนทางเดิน  +  ความเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิของน้ำทะเล + ความแปรปรวนของความกดอากาศเหนือระดับน้ำทะเล
25)        ปรากฎการณ์เอลนิญโญ (EL Nino) และลานิญญา (La Nino)  ทำให้เกิดภัยแล้ง, อุทกภัย และสภาพอากาศที่รุนแรงขึ้น
26)        ฝนกรด (Acid rain) เกิดจากก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์

วันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

แคปซูล "โนอาห์"

สุดเจ๋ง! ญี่ปุ่นคิดค้นแคปซูล "โนอาห์" สำหรับใช้หลบภัยสึนามิ





           บริษัทญี่ปุ่นผลิตแคปซูลลอยน้ำ "โนอาร์" (“Noah” capsule) หวังใช้เป็นที่หลบภัยพิบัติทางธรรมชาติ โดยเฉพาะสึนามิ

           เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม สำนักข่าวเอพี รายงานว่า บริษัทแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นได้คิดค้นแคปซูลลอยน้ำสุดแกร่ง เพื่อช่วยให้ผู้คนใช้เป็นที่หลบภัยฉุกเฉินเมื่อเกิดภัยพิบัติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสึนามิ

           นายโชจิ ทานากะ ประธานบริษัทวิศวกรรมดังกล่าวคือ "คอสโม เพาเวอร์" เมืองฮิราสึกะ ประเทศญี่ปุ่น ได้เปิดตัวนวัตกรรมชิ้นใหม่ชื่อ "โนอาห์" ซึ่งเป็นแคปซูลสำหรับหลบภัยพิบัติ มีลักษณะคล้ายลูกเทนนิสขนาดยักษ์สีเหลือง ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 4 ฟุต มีคุณสมบัติลอยน้ำได้ ติดตั้งกระจกและท่อรับอากาศจากภายนอก ผู้ใหญ่สามารถเข้าไปหลบภัยอยู่ได้ 4 คนพร้อม ๆ กัน โครงสร้างทำจากไฟเบอร์กลาสเสริมแรงชนิดพิเศษ ซึ่งมีความแข็งแกร่งสูง ช่วยให้มนุษย์ที่หลบอยู่ข้างในรอดตายได้ถ้าต้องเผชิญกับมหันตภัยร้ายแรง อาทิ แผ่นดินไหว และคลื่นยักษ์สึนามิ

“Noah” capsule


           นอกจากนี้ นายทานากะ ยังกล่าวอีกด้วยว่า บริษัทได้ตั้งชื่อตาม "เรือโนอาห์" บันทึกไว้ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลว่า เป็นเรือที่ช่วยให้มนุษย์และสัตว์โลกบางส่วนมีชีวิตรอดอยู่ได้ในวันที่พระเจ้าทรงทำให้น้ำท่วมโลก เพื่อชำระบาปของมนุษย์


           ทั้งนี้ บริษัทคอสโมเปิดตัว "โนอาห์" เป็นครั้งแรกช่วงต้นเดือนกันยายน 2554 ที่ผ่านมา โดยมีราคาประมาณ 123,000 บาทต่อลูก ซึ่งในขณะนี้มีคำสั่งซื้อ "โนอาห์" เข้ามาถึง 600 ลูก นำส่งลูกค้าไปแล้ว 2 ลูก โดยนอกจากซื้อเก็บไว้ใช้ป้องกันพิบัติภัยแล้ว ยังสามารถใช้เป็นบ้านของเล่น สำหรับบุตรหลานได้อีกด้วย

ที่มาของข้อมูลและภาพประกอบจาก : 
impactlab.net , Kapook.com

Lillipad City เมืองลอยน้ำ

ลิลี่แพดเมืองลอยน้ำ



สมใจคนชอบ Experimental Design สำหรับนวัตกรรมการออกแบบเมืองลอยน้ำ "ลิลี่แพด" (Lilypad City) บ้านใหม่แห่งอนาคตที่สามารถแก้ไขปัญหาได้จริง ในการช่วยเหลือคนทั้งโลกที่ต้องการลี้ภัยน้ำท่วมอันเกิดจากวิกฤติโลกร้อน ที่กำลังคุกคามอย่างรุกคืบ จากความคิดอันเฉียบคมของ วินเซนต์ คาเลโบต์ สถาปนิกคนเก่งจากเบลเยียม

การออกแบบเมืองนี้ คาเลโบต์ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรูปทรงของใบบัวขนาดใหญ่ อะมาโซเนีย วิคตอเรีย เรเจีย ลิลี่แพด ที่มีลักษณะเป็นใบกว้างลอยอยู่เหนือน้ำคอยรองรับน้ำฝนและฟอกน้ำให้สะอาด โดยคาเลโบต์ได้ออกแบบให้เมืองนี้ เข้าออกด้วยท่าจอดเรือที่มีอยู่ 3 ทาง และมีภูเขา 3 ลูก เพื่อให้ผู้คนที่อยู่บนเมืองลอยน้ำแห่งนี้ได้เพลิดเพลินกับการเปลี่ยน วิวทิวทัศน์ ไม่ซ้ำซากจำเจ

สำหรับสภาวะแวดล้อมของเมืองนั้น วินเซนต์ได้ออกแบบให้ทั้งเมืองปกคลุมไปด้วยต้นไม้ที่ปลูกอยู่ด้านบน โดยมีเป้าหมายของการสร้างอยู่ที่การสร้างความกลมกลืนในการอยู่ร่วมกันระหว่างมนุษย์และธรรมชาติ

ลิลี่แพดจะเป็นเมืองที่เข้ากับสิ่งแวดล้อมได้ดี มีลักษณะเป็นเมืองสะเทินน้ำสะเทินบกที่ไม่จำเป็นต้องมีรถหรือมีถนนใดๆ สามารถแก้ไขปัญหาระยะยาวของระดับน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้น ทั้งยังช่วยเหลือผู้คนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์น้ำท่วม อย่างรุนแรงได้เป็นอย่างดี โดยจะลอยตัวอยู่ในทะเลบริเวณผิวดินเดิมที่ถูกน้ำท่วมมิด กล่าวคือเป็นเมืองที่ลอยอยู่ทั่วโลกเหมือนเรือยักษ์ หรือลอยไปตามกระแสน้ำไหลของมหาสมุทรทั่วโลก



ที่สำคัญคือพลังงานที่ใช้ในเมืองจะมาจากแหล่งพลังงานที่สามารถนำกลับมาใช้ได้ใหม่ รวมถึงการใช้พลังงานจากธรรมชาติอย่างพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานความร้อน พลังงานลม พลังงานน้ำ และพลังงานคลื่น โดยพลังงานที่ได้ทั้งหมดจะมากเกินความจำเป็นที่คนทั้งเมืองต้องการใช้ แถมยังไม่ปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมถึงก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั้งหมด ขณะที่ขยะก็จะถูกนำไปรีไซเคิล

แน่นอนว่าความคิดอันน่าชื่นชมของวินเซนต์สามารถคว้ารางวัลชนะเลิศด้านการออกแบบเมืองแห่งอนาคตมาครอง ได้เป็นผลสำเร็จ ทั้งยังเป็นแนวทางการแก้ปัญหาที่สอดรับกับการคาดการณ์ของผู้เชี่ยวชาญที่ว่า น้ำแข็งจะละลายเพราะโลกร้อน ทำให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้นถึง 88 เซนติเมตร (เกือบ 3 ฟุต) ภายในปี 2643 และจะเกิดภัยคุกคามต่อพื้นที่ขนาดใหญ่บริเวณชายฝั่ง รวมทั้งเมืองใหญ่ๆ ของโลก เช่น กรุงลอนดอนในอังกฤษ นครนิวยอร์กในสหรัฐฯ และกรุงโตเกียวในญี่ปุ่น







โดยเฉพาะเมืองที่อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลไม่เกิน 50 เซนติเมตร และเกาะน้อยใหญ่ในมหาสมุทรแปซิฟิก เช่น เกาะตูวาลู เกาะคิริบาติ หรือเกาะมัลดีฟส์ ซึ่งหากน้ำทะเลสูงขึ้นเพียง 50 เซนติเมตร พื้นที่ของเกาะก็จะถูกคลื่นทะเลซัดกร่อน หรือจมอยู่ใต้น้ำ หรือแม้บางเกาะจะอยู่เหนือทะเลได้ แต่ประชากรในพื้นที่คงต้องเผชิญกับปัญหาน้ำดื่มขาดแคลนกันน่าดู เพราะน้ำทะเลรุกล้ำเข้ามายังแหล่งน้ำจืด อันเป็นคลื่นกระทบต่อชีวิตผู้คนหลายสิบล้านคนที่อาศัยอยู่บริเวณพื้นที่ชายฝั่งในเอเชียใต้ เช่น ปากีสถาน อินเดีย ศรีลังกา บังกลาเทศ พม่า รวมทั้งประเทศไทยด้วย

นับเป็นแนวคิดที่ล้ำสมัยที่เมืองไทยน่าจะมีผู้นำมาปรับใช้บ้าง เนื่องจากมีผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่า อีกประมาณ 30 ปี น้ำจะท่วมกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง งานนี้เห็นทีผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองคงต้องพักรบ สงบใจ หันหน้าปรองดองกันเพื่อทุกชีวิตในประเทศไทยบ้างแล้ว